บทนำ
โรงแรมรัตนาวดี
‘ลีโอนาร์ท’ อ่านชื่อป้ายข้างหน้าก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังที่หมาย ซึ่งเขาคิดว่าตัวเองมาถูกที่แล้ว หลังจากที่นั่งเครื่องมานานด้วยความเหนื่อย แต่อยากให้ถึงที่หมายเร็ว ๆ ทำให้ขับรถมาด้วยตัวเอง ซึ่งชายหนุ่มซื้อเอาไว้หลังจากมาเมืองไทยครั้งที่แล้ว พร้อมบ้านหลังหรูที่เขาจ้างคนดูแลมาโดยตลอดระยะเวลาที่ลีโอนาร์ทอยู่บ้านเกิดเมืองนอน ที่สวิตเซอร์แลนด์
‘ลีโอนาร์ท เวย์มอร์...’ ยืนเต็มความสูงหกฟุตห้าเซนติเมตร ก่อนจะลากกระเป๋าใบใหญ่ลงจากรถโดยมีพนักงานของโรงแรมเข้ามาต้อนรับ และรับกระเป๋าจากชายหนุ่มนำทางไปที่เคาน์เตอร์ ขณะที่ลีโอนาร์ทเดินตามพนักงานไปนั้น ต่างมีผู้คนมองเขาอย่างไม่วางตาเนื่องจากใบหน้าที่หล่อเหลา
ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดแบบลองทรงเข้ากับใบหน้าที่ขาว คิ้วน้ำตาลออกดำนิด ๆ ยาวจรดหางตา จมูกโด่งใบหน้าคมสัน ริมฝีปากบางสวยได้รูป และดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สามารถสะกดทุกสายตาให้หยุดนิ่ง พร้อมหัวใจของสาว ๆ แถว ๆ นั้นเต้นไปตามกัน เพียงแค่ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ สาว ๆ บางคนใจแทบละลาย
ถ้าเพียงลีโอนาร์ทส่งสายตาเชิญชวนให้ พวกเธอคงยอมเดินมาหาเขาโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้เขาจะชวนขึ้นเตียงก็คงไม่มีใครเกี่ยงงอน แต่ชายหนุ่มเพียงแค่มองผ่านไปโดยไม่คิดจะมองอะไรหรือสนใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยกับการเดินทางมาเต็มทนแล้วและอยากพักผ่อนเสียที
“คุณลีโอนาร์ท เวย์มอร์... ใช่ไหมคะ ?” โอเปอร์เรเตอร์เอ่ยถามเสียงหวาน พร้อมส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผยความรู้สึก ว่าเธอใจละลายกับใบหน้าที่หล่อเหลานั้น
“ครับ” ลีนาร์ทเพียงรับคำสั้น ๆ ก่อนจะรับกุญแจไปโดยไม่สนใจสายตาคู่นั้นเลย อาจเป็นเพราะเขาชินแล้ว หรือไม่ก็เหนื่อยจนไม่อยากสนใจสิ่งรอบตัว
‘คนอะไรหล่อเป็นบ้า เกิดมาไม่เคยเห็นใครหล่อเฟอร์เฟกต์แบบนี้เลย’
‘ใช่... แค่มองมาใจฉันก็ละลายอยู่แล้ว’
เสียงพูดตามหลังลีโอนาร์ทไปเขาได้ยินทุกคำ แต่แปลความหมายไม่ค่อยจะออกสักเท่าไหร่ เพราะภาษาไทยของเขายังไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็จับใจความได้ว่าพวกเธอพูดถึงเขา ร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนล้าเมื่อได้เข้าห้องพักหลังจากให้เลขามาสั่งจองล่วงหน้าเอาไว้ และเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวนานเป็นสิบชั่วโมงสิ้นสุดลง
ลีโอนาร์ทเดินทางมาที่นี่ เพื่อเข้าประชุมในการเลือกคณะกรรมการบริษัทให้ขึ้นตำแหน่งผู้บริหารแทนเขา หลังจากที่ผู้บริหารคนเก่าได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ นั้นจึงเป็นสาเหตุทำให้ลีโอนาร์ทกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานถึงสี่ปีเต็ม
‘ลีโอนาร์ท เวร์มอร์...’ ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจทางด้านการส่งออกผลไม้กระป๋องและไวน์องุ่น มาด้วยวัยสามสิบสองปี และเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในวงการธุรกิจนี้ ด้วยความที่ลีโอนาร์ทเป็นคนฉลาด และมีความริเริ่มสร้างสรรค์ ทำให้การค้าของชายหนุ่มเป็นที่ต้องการของท้องตลาด และเป็นที่ต้องการของลูกค้าเสมอ นั้นทำให้ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างทอดสะพานมาหาเขาตลอดมา แต่เขารู้ดีว่าพวกเธอเหล่านั้นไม่ได้รักที่ตัวเขา แต่เป็นเงินและอำนาจของเขาเสียมากกว่า นั้นจึงทำให้เขาต้องระวังเรื่องผู้หญิงมากขึ้น
“เอม เธอได้ข่าวฝรั่งมาพักห้อง 1215 หรือเปล่า ? เขาว่าโคตรหล่อเลยอะ”
‘นิลกาญจน์’ เอ่ยถาม ‘เอม’หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า ‘เอมิกา อนันตะรักษ์’ เพื่อนสาวสนิทที่ทำงานเป็นแม่บ้านด้วยกันอยู่ที่โรงแรมรัตนาวดีนานนับสามเดือนแล้ว ด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่น ๆ ก็นาน ๆ ทีจะได้ยินพวกพนักงานพูดถึงลูกค้า ถ้าไม่หล่อจริงพวกนั้นคงไม่พูดถึงกันจนดังเป็นพลุอย่างนี้
“อือ...ได้ยิน”
ร่างบางเจ้าของชื่อตอบรับ พร้อมพับผ้าปลอกหมอนของเธอต่อไป โดยไม่ได้มีน้ำเสียงตื่นเต้นเหมือนคนอื่น ๆ นั้นทำให้นิลกาญจน์หันมามองเพื่อนสาวอย่างค้นคว้า
“เอม ทำไมพวกหล่อ ๆ หรือว่าพวกดาราดัง ๆ มาทำไมเธอไม่ตื่นเต้นบ้างละ ?”
นิลกาญจน์ถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัย เอมิกาเลยหันมายิ้มให้บาง ๆ แต่นิลกาญจน์กลับมองเพื่อนสาวอย่างไม่วางตา เธอว่าเพื่อนสาวของเธอคนนี้สวย โดยเฉพาะรอยยิ้มที่มีลักยิ้มอยู่ข้าง ๆ ปากอวบอิ่ม และแววตาที่กลมโตรับกับใบหน้าเรียวไข่ นั้นยิ่งดูดีเสียจนเธอคิดอิจฉาอยู่ลึก ๆ และที่สำคัญเธอเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ที่ทำงานในโรงแรมนี้เสียด้วยซิ
“พวกเขาก็เป็นคนเหมือนเรานี้แหละ เพียงแต่พวกเขามีบุญวาสนาเยอะกว่าเรา พวกเขาเลยหน้าตาหล่อและสวย ถ้ากาญจน์อยากสวยมากกว่านี้ก็ไปทำบุญเยอะ ๆ ก็แล้วกัน”
เอมิกาบอกเพื่อนสาวอย่างประชดและแซวเพื่อนสาวอย่างพอสนุก แล้วอมยิ้มนิด ๆ กับท่าทางงอน ๆ ของเพื่อนที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่สวย เอมิกานั่งนิ่งมองดูเพื่อนสาวอย่างสงสัย ว่านิลกาญจน์ชอบว่าตัวเองไม่สวยตรงไหน ?
ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าสวยคมของเธอนั้นสวยสะดุดตา และบ่งบอกว่าเธอเป็นคนใต้หรือจะคล้ายแขกก็ไม่ผิด ดวงตาคมโตนั้นดูสวยดุ ถึงแม้มันจะดูไม่หวานแต่มันดูสวยเด่น จมูกโด่งเชิดนิด ๆ และริมฝีปากอวบอิ่มก็ดูมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ผมสีดำยาวสลวยเวลาปล่อยผมแต่ตอนนี้นิลกาญจน์ได้เก็บผมไว้เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากอยู่ในเวลางาน นอกจากผิวกายของเธอเท่านั้นที่เป็นสีน้ำผึ้งแต่มันก็ไม่ได้น่าเกียจอะไร แต่เจ้าตัวชอบบ่นว่าตัวเองนั้นดำ แต่สายตาของเอมิกาเธอคิดว่ามันไม่ได้ดำเหมือนเจ้าตัวว่า นี่คงเป็นสาเหตุทำให้นิลกาญจน์ชอบว่าตัวเองไม่สวย
“ยะ...แม่คนวาสนาเยอะ” นิลกาญจน์ตอบประชดอย่างไม่จริงจังมากนัก เอมิกาจึงยิ้มรับพร้อมตอบรับหน้าตาเฉยเหมือนแกล้งไม่รู้ว่าเพื่อนสาวประชด
“ว้าว... ถ้าอย่างนั้นกาญจน์ก็ว่าเราสวยใช่ไหม ? ขอบใจนะ” หญิงสาวยิ้มหน้าระรื้น เมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้าตึงพร้อมส่ายหัวไปมาเหมือนจะบอกเธอว่า ‘หลงตัวเอง’
“ไม่พูดด้วยแล้ว”
ว่าแล้วนิลกาญจน์ก็เดินไปทำงานอย่างอื่นแทน ทิ้งให้เพื่อนสาวนั่งพับผ้าปลอกหมอนอยู่คนเดียว ปกติเอมิกาเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้อง พนักงานหนึ่งคนต้องรับผิดชอบคนละสิบห้อง แต่ถ้าว่างจากงานที่ตัวเองรับผิดชอบใครจะทำอะไรตรงไหนก็ได้
แต่เอมิกาเลือกที่จะมาช่วยงานห้องผ้า เพราะเธอต้องการมาศึกษางานและรายละเอียดของพนักงานในโรงแรม และอีกอย่างเธอรู้สึกชอบอัธยาศัยของนิลกาญจน์ตั้งแต่แรกพบ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ ทำให้ทั้งคู่คุยกันถูกคอและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
หลังจากเลิกงาน เอมิกาจึงเดินไปเซเว่นที่อยู่ใกล้โรงแรมเพื่อหาหนังสือมาอ่าน เพราะเธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือและหาความรู้ใส่ตัวเสมอ ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันจนเธอรู้ตัวว่าชอบทำอะไร เอมิกามีความสุขทุกครั้งที่ได้เขียนในสิ่งที่ตัวเองรัก และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของแฟนคลับ ยิ่งเห็นข้อความส่งกำลังใจมาให้กลับทำให้เธอมีแรงสู้ที่จะสร้างความสุขให้แฟนคลับเธอมากขึ้น
เมื่อกลับมาถึงที่พัก เอมิการีบอาบน้ำและเตรียมอ่านนิตยาสารที่เธอซื้อมาวันนี้ และหน้าที่เธอชอบที่สุดนั้นก็คือ ‘ดวง’ มันคงไม่แปลกที่ใคร ๆ อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่เอมิกาเชื่อ เพราะมันชอบตรงกับชีวิตของเธอมาโดยตลอด ใครจะว่าเธองมงายเธอก็ไม่สน เพราะเอมิกายังคงใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและไม่นำพาความเดือดร้อนมาสู่ใคร ๆ
เอมิกาเป็นลูกคนเล็กของตระกูลอนันตะรักษ์ เธอมีพี่น้องสามคน มีพี่ชายคนโตชื่อว่า‘เอกดนตรี’และมีพี่สาวอีกหนึ่งคน แต่เนื่องด้วยพี่สาวเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอเสียพี่สาวไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอจึงเป็นลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียว เอมิกาจึงถูกตามใจมาโดยตลอดแต่การที่เธอถูกตามใจ ใช่ว่าเธอจะเป็นเด็กเกเรหรือทำตัวไม่ดี เอมิกาไม่เคยนำความเดือดร้อนมาให้พ่อกับแม่ ถึงแม้จะทำให้พวกเขาห่วงเธอบ้างแต่ด้วยความรักลูกจึงตามใจลูก ให้เอมิกาเดินตามทางที่ตัวเองเลือกโดยไม่ขัดใจ
‘ราศีมีนเดือนนี้ คุณจะพบรักอย่างไม่คาดฝัน ชะตาชีวิตของคุณจะพลิกผันโดยความรักเป็นเหตุ แต่การเป็นตัวของคุณเองจะทำให้ใครคนหนึ่งรักคุณเหมือนที่คุณรักเขา แม้จะมีอุปสรรค์มาขวางกั้นแต่ความรักของคุณจะสามารถผ่านไปด้วยดี เพียงแค่คุณยึดมั่นและอดทนไว้เท่านั้น เรื่องการงานคุณมีโอกาสได้เปลี่ยนงานเสมอ แต่อีกไม่นานคุณจะได้หยุดอยู่ที่งานที่คุณรักเพียงอย่างเดียว และหน้าที่ที่คุณเต็มใจรับผิดชอบ การเงินของคุณมีพร้อมเสมอ โชคลาภของคุณจะมาถึงในไม่ช้า’
เอมิกาอ่านดวงวันนี้ตรงหน้า พร้อมคิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเปิดอ่านหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จนจบหลังจากที่อ่านจบแล้ว เอมิกาจึงหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก นั้นคือโน้ตบุ๊ก ขนาดเล็ก และพิมพ์บรรยายในสิ่งที่ตัวเองพบเจอมา และเพิ่มเติมบางอย่างเข้าไปเพื่อให้ได้รสชาติ นั้นคือ นวนิยาย เอมิกาชอบเขียนและลงมือหาความรู้ด้วยตัวของเธอเองมากกว่าการจินตนาการเอาเอง ว่าการทำงานตรงจุดนั้นน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ
ห้องพักที่เอมิกาอยู่เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้พนักงาน เธออยู่เพียงคนเดียวในห้องนี้เพราะพื้นที่มันคับแคบไม่เหมาะสำหรับสองคน ส่วนนิลกาญจน์เพื่อนสาวเธออยู่อีกห้องที่ถัดกันไป และคนอื่น ๆ ก็เช่นกันจะประปรายไปอยู่ที่ต่าง ๆ ตามความเหมาะสมที่ทางโรงแรมจัดให้ ถ้าเป็นแฟนกันก็จะอยู่อีกที่หนึ่งที่เหมาะสำหรับคนสองคน
หลังจากที่เอมิกาเขียนในสิ่งที่รักจนพอใจแล้ว เธอจึงเก็บอุปกรณ์ทำมาหากินของเธอไว้ในกระเป๋าอย่างดี ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอนขนาดสามฟุตอย่างเหนื่อย ๆ ถึงห้องนี้จะคับแคบแต่เอมิกาไม่เคยรู้สึกอึดอัด เพราะเธอยึดถือว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก แล้วหลับตาพริ้มเมื่อนึกถึงดวงของวันนี้ ก่อนจะปล่อยให้สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และหยุดทำงานของมันเองเมื่อเจ้าของสมองน้อย ๆ นั้นได้หลับใหลไปแล้ว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น